“เชื่อว่าหลังจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ผ่านไปคงมีโอกาสได้ยินคำถามเรื่องการดีดบ้านให้สูงขึ้น ลองมาทำความรู้จักกันเลย”
การดีดบ้าน หรือการยกบ้านให้สูงขึ้น หมายถึงการยกตัวโครงสร้างทั้งหมดของบ้านให้มีระดับหนีน้าท่วมบ้าน เป็นสิ่งที่น่า สนใจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากบ้านของเรามีโครงสร้างที่ไม่เหมาะสมเช่น บ้านที่มีน้ำหนักมาก อย่างคอนกรีตเสริมเหล็ก (หรือ บ้านปูน) โครงสร้างของบ้านจะยึดติดเป็นเนื้อเดียวกัน หากยกบ้านขึ้นแล้วตัวบ้านเอียง หรือบิด เพียงนิดเดียวบ้านก็จะแตกร้าวเสียหายวิบัติได้
นอกจากนั้น บ้านปูนที่มีนํ้าหนักมาก ทำให้ต้องมีเสาเข็มขนาดยาวมารับนํ้าหนักบ้าน เสาเข็มนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นเสาเข็มปูน ที่มีเหล็กเส้น ผูกติดยึดไว้กับตัวฐานราก เมื่อยกตัวบ้านขึ้น ก็เป็นเพียงการยกแต่ตัวบ้านไม่สามารถยกเสาเข็มขึ้นมาด้วยได้ การต่อฐานรากกับเสาเข็มใหม่นับเป็นเรื่องยาก แม้จะทำได้แต่ในอนาคตอาจมีปัญหาเรื่องบ้านทรุดบ้านร้าวได้ และยังมีปัญหาสำคัญที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมในเบื้องต้น ดังนี้คือ
- ปัญหาเรื่องงานระบบ
เมื่อต้องยกโครงสร้างทั้งหมดของบ้านให้สูงขึ้น งานระบบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น สายไฟฟ้า ท่อร้อยสายไฟฟ้า ท่อประปา ท่อน้ำทิ้ง จะต้องตัดออกทั้งหมด ก่อนจะต่อกลับเข้าไปใหม่หลังจากยกบ้านให้อยู่ในระดับที่ต้องการแล้ว ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องยากเมื่อเทียบกับการยกโครงสร้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักในการจัดการ โดยเฉพาะกับการดีดบ้านที่อยู่ในระดับพื้น เพราะท่อน้ำประปา กับท่อน้ำทิ้งจะอยู่ใต้พื้น ซึ่งหากยกโครงสร้างโดยไม่ตัดท่อเหล่านี้ออกก่อน ก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างได้เช่นกัน - ปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่าย
สำหรับราคาค่าใช้จ่ายในการดีดบ้านนั้นขึ้นอยู่กับทั้งขนาด และน้ำหนักของตัวบ้าน รวมไปถึงระดับความสูงที่จะทำการยก ซึ่งโดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 20% ไปจนถึง 400% ของราคาของตัวบ้าน ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อพิจารณามาจนถึงข้อนี้ หากค่าใช้จ่ายมากกว่าราคาของตัวบ้าน การแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยการดีดบ้านเพื่อหนีน้ำท่วมก็อาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก
การดีดบ้านต้องอยู่ภายใต้การดูแลของวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะในระหว่างดำเนินการดีดบ้านอาจเกิดปัญหาเฉพาะหน้าขึ้นได้ตลอดเวลา การที่มีผู้ที่มีประสบการณ์ในการดีดบ้านคอยควบคุมจะทำให้การตัดสินใจในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นไปได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น